TOEIC หรือ Test of English for International Communication แบ่งการสอบออกเป็น 2 พาร์ท
คือ Listening 100 ข้อ กับ Reading 100 ข้อ รวมทั้งหมด 200 ข้อ คะแนนเต็ม 990 คะแนน
::: การจองเวลาสอบ :::
สำหรับคนที่สนใจจะไปสอบ TOEIC ควรจะโทรไปนัดก่อนอย่างน้อย 1 วัน
โดยโทรไปจองวันสอบที่เบอร์ 0-2260-7061 หรือ 0-2260-7189
โดยทาง TOEIC มีการเปิดให้สอบในวันจันทร์ถึงเสาร์ ( วันอาทิตย์ปิด )
มีสอบ 2 รอบคือ 9.00-12.00 กับ 13.00-16.00
พอโทรไปก็แจ้ง ชื่อกับนามสกุลเป็นภาษาอังกฤษแล้วก็หมายเลขบัตรประชาชน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
-------------------------------------------------------------------------------------------------
::: สิ่งที่ต้องเตรียมไปในวันสอบ::
1. เตรียมใจ /me โดนถีบ ไม่ใช่แล้ว
2. เตรียมเงินค่าสอบ 1,000 บาท ( ถ้าจะให้ส่งผลสอบกลับบ้านจ่ายเพิ่มอีก 50 บาทฮ่ะ )
3. บัตรประชาชน หรือพาสปอร์ตตัวจริง ( ไม่เอาสำเนานะ )
4. เสื้อกันหนาว ( มันหนาวจริงๆนะจอร์จ หนาวโคตรๆๆๆๆๆๆ )
5. นาฬิกา ในห้องก็มีแหละ แต่เอาไปด้วยอุ่นใจดีค่ะ
( ส่วนของเรา นาฬิกาตายก๊าก =[]= ตายหมด 3 เรือนเลยต้องไปยืมยายมาใช้ )
6. 2B สำหรับคนที่ใช้เปลืองแบบเรา เพราะเขามีให้ 2 แท่ง
7. อย่าลืมกินข้าวมาเน้อ เราไปนั่งท้องร้องในห้องสอบด้วยก๊ากก
-------------------------------------------------------------------------------------------------
::: สถานที่สอบ :::
หลังจากเราโทรไปนัด พร้อมเตรียมใจและเตรียมอุปกรณ์ดังกล่าวแล้ว
ก็มุ่งหน้าสู่ตึก BB TOWER ที่อยู่ตรงถนนอโศก ( สุขุมวิท 21 ) ชั้น 19
BB TOWER อยู่ฝั่งเดียวกับตึกของแกรมมี่ อยู่ติดกันเลยมั้ง
( แผนที่เข้าไปดูได้ที่ http://www.toeic.co.th จ้า )
เราเลือกสอบวันเสาร์ ( ซึ่งคนโคตรเยอะ ใครมาวันเสาร์รีบมาก็ดีนะ)
รอบ 9.00-12.00 พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าให้มาถึง 8.00 น.
( เลยเดาว่าถ้าใครไปสอบตอนรอบ 13.00 น. คงต้องมาถึงตอนเที่ยงค่ะ )
พอมาถึงอาคาร BB TOWER ( จะบอกว่าป้ายตึกอ่านยากอ่ะ =[]= หรือเราตาไม่ดีก็ไม่รู้ก๊าก )
ก็ขึ้นไปชั้น 19 สถานที่สอบมันเปิด 8 โมง ถ้ามาก่อนหน้านั้นก็ต้องรออยู่หน้าศูนย์สอบค่ะ
เราไปถึงเห็นคนรอกันอยู่ส่วนนึงแล้ว ประมาณสิบกว่าคนได้ พอประตูเปิดปั๊บทุกคนพุ่งเข้าไปต่อแถวทันที
ด้วยความที่เราไม่รู้อะไรเลยก็เลยตามคนหมู่มากไป
-------------------------------------------------------------------------------------------------
สรุปว่าเขาต้องไปเข้าแถวเพื่อทำการลงทะเบียนสอบ
::: การลงทะเบียนสอบ ::: มีลำดับดังนี้
1.ยื่นบัตรประชาชน
2.แจ้งชื่อ นามสกุล ภาษาอังกฤษ
3.บอกเบอร์โทรศัพท์
4.บอกว่าจะต้องการมารับผลสอบเอง หรือว่าจะให้ส่งทางไปรษณีย์ ( ดังที่บอกไว้ข้างต้นว่าจ่ายเพิ่ม 50 บาท )
5.ถ่ายรูป =[]=!!!!!!!
6.ตรวจดูรายละเอียดว่าเขาพิมพ์ชื่อ พิมพ์เบอร์บัตรประชาชน บลาๆๆ ถูกหรือไม่
7.จ่ายตัง 1,000 บาทเป็นค่าสอบ พร้อมรับเอาใบ...( ใบอะไรวะ เรียกว่าใบสอบละกันนะ ) เดินไปที่อีกเคาน์เตอร์นึง
8.เขียนชื่อ นามสกุล เบอร์บัตรประชาชนลงสมุดลงทะเบียนของเจ้าหน้าที่ ถือว่าเป็นอันเสร็จพิธีกรรม
-------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะไล่ เอ้ย บอกเราว่า ให้กลับมาอีกที 8.45 น.
::: ข้อแนะนำสำหรับผู้สอบที่เป็นสตรีเพศ ::ควรใส่กางเกงเพื่อความสะดวกในการนั่งรอที่พื้นหน้าศูนย์สอบ =[]=!
เพราะว่าในศูนย์สอบมันเล็กมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
พอทำไอ้8 ขั้นที่ว่ามาเสร็จก็เลยต้องอัปเปหิตัวเองออกมาหน้าศูนย์
จริงๆแล้วชั้นล่างเขามีร้านกาแฟให้นั่งนะ แต่ว่าเราขี้เกียจ
ก็เลยนั่งมันหน้าศูนย์นี่แหละ ร้อนใช้ได้เลยเพราะว่ามันไม่มีแอร์ =A=!
แถมมีใครไม่รู้สูบบุหรี่อีก เหม็นนะเฟ้ย!!!!
พอใกล้ๆจะ 8.45 น. เลยเดินหาห้องน้ำ อยู่ข้างๆลิฟท์ ห้องน้ำมีเพียง 2 ห้องเท่านั้น จอร์จ!!
แต่ถึงคนเยอะยังไงก็ควรจะเข้าให้เรียบร้อยนะ
เพราะว่าพอเข้าห้องสอบแล้วต้องออกมาพร้อมกัน ทำเสร็จก่อนก็ออกก่อนไม่ได้จ้า
พอถึง 8.45 เราก็กลับไปที่ศูนย์สอบ ทางศูนย์มีที่ให้วางของ ( วางเฉยๆ ไม่รับฝากเน้อ อย่าเอาของมีค่าไปล่ะ! )
เพราะเขาไม่ให้เราเอาอะไรเข้าไปในห้องสอบ มือถือก็ห้ามเอาเข้านะ ต่อให้ปิดเครื่องแล้วก็ตาม
เอาเข้าไปได้แต่กระเป๋าตังเท่านั้นแล
หลังจากวางของแล้ว โปรดดูห้องสอบของท่านให้ดี!! เพราะมันมี 2 ห้องมั้ง ถ้าเราจำไม่ผิด
แล้วก่อนเข้าห้องสอบต้องไปยืนต่อแถว ให้เจ้าหน้าที่ตรวจหาวัตถุระเบิด เอ้ย ของในกระเป๋า
เขามีไอ้เครื่องตรวจติ๊ดๆๆ ( เรียกไม่ถูกก๊ากก ) แบบตามสนามบินแสกนไปทั่วเลย
เราใส่เสื้อกันหนาวแล้วเอาน้ำตาเทียมกับทิชชู่ใส่กระเป๋าเสื้อ พอเขาเอาไอ้เครื่องติ๊ดๆมาตรงกระเป๋ามันก็ติ๊ดๆๆ =[]=!
( ตอนแรกนึกว่ามันเป็นเครื่องตรวจจับโลหะซะอีก =[]= ทำไมมันจับทิชชู่กับน้ำตาเทียมได้ฟะ )
พี่เจ้าหน้าที่ทำเสียงโหด " อะไรอยู่ในกระเป๋าคะน้อง " ไอ้เราก็เลยหยิบน้ำตาเทียมกับทิชชู่ออกมาโชว์
แล้วก็ผ่านด่านไอ้ติ๊ดๆๆ เข้าไปนั่งในห้องสอบโดยสวัสดิภาพ
และไปนั่งตามที่นั่งที่พี่เจ้าหน้าที่เขาบอก ( เลือกเองไม่ได้นะเออ )
พอเข้าถึงห้องสอบ คุณจะรู้ว่าเสื้อกันหนาวนั้นมีค่ายิ่งกว่าทองคำ !!!
( หรือไม่ก็เพราะว่าเราไปนั่งอยู่ตรงที่แอร์ตกก็ไม่รู้ )
หนาวประมาณว่า ถ้าทำข้อสอบแล้วขาดใจตาย ศพจะได้ไม่เน่าอะไรแบบนั้น กร๊ากกก~
พอเข้าไปนั่งปั๊บ บนโต๊ะจะมีเอกสารให้อ่าน เป็นพวกคู่มือสอบว่าข้อสอบจะแบ่งเป็นกี่ part
เป็นอะไรยังไงบ้าง หลังจากนั้นพี่พนักงานก็จะเข้ามาเปิดเทป
เป็นเสียงคนอ่านไอ้เอกสารที่วางไว้บนโต๊ะนี่แหละให้เราฟังอีกที ( เพื่อ ??? )
แถมมีเหมือนสปอตโฆษณาด้วย ใจความประมาณได้ว่า
" นี่เธอ~ ชั้นไปสอบ TOEIC มาด้วยแหละ~~ "
" จริงเหรอเธอ แล้ว TOEIC นี่เอาไปทำอะไรได้บ้างละเธอ~ "
" อ๋ออออ ก็หลายอย่างเลยละเธอ ไม่ว่าจะเป็น บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ "
อะไรประมาณนี้ เราฟังแล้วขำยังไงก็ไม่รู้ =[]= หลังจากสปอตโฆษณาและแนะนำการสอบจบลง
เจ้าหน้าที่ก็จะแจกกระดาษคำตอบสีเขียวๆ แล้วบอกให้เราวงนู่นวงนี่กรอกรายละเอียดตามที่เขาบอก
-------------------------------------------------------------------------------------------------
แล้วก็เริ่มการสอบส่วนแรก คือสอบ
::: Listening 100 ข้อ(45 นาที) ::: ( ถ้าจำไม่ผิดนะ )
โดย Listening แบ่งเป็น ...กี่พาร์ทหว่า =[]= เราจำได้แค่ 3 พาร์ทแฮะ
1. ดูภาพ ฟังเสียงคนพูด แล้วเลือกช้อยส์ที่ตรงกับภาพ ( 20 ข้อ )
:::: สำหรับส่วนนี้ ควรพยายามแสกนให้เรียบร้อยก่อนว่าในภาพมีอะไรบ้าง
เช่นว่า ผู้หญิงกี่คน ผู้ชายกี่คน คนทำอะไร บนโต๊ะมีอะไร อะไรประมาณนี้
2. ฟังคำถามแล้วเลือกคำตอบที่เหมาะสม
:::: อันนี้ถ้าจำไม่ผิด เหมือนจะต้องฟังช้อยส์เองด้วย เพราะฉะนั้นต้องตั้งสมาธิดีๆ
3. ฟังบทสนทนาสั้นๆแล้วเลือกคำตอบที่เหมาะสม
:::: ส่วนนี้จะเป็นบทสนทนาสั้นๆ บทสนทนานึงใช้ตอบคำถามประมาณ 2-3 ข้อ
ข้อควรระวังคือควรแสกนดูก่อนว่ามันถามอะไร แล้วตั้งใจฟังในบทสนทนา
เราบางทีมัวแต่ตอบคำถามข้อนึง ลืมฟังรายละเอียดที่อีกข้อนึงถาม ซวยไปเลยก้า
หลังจากฟังกันหูชาหน้าซีด ก็มาเจอกับพาร์ท
::: Reading อีก 100 ข้อ (75 นาที):::
ไอ้นี่แหละทรมานใจจอร์จอีกแล้ว แบ่งเป็น 3 พาร์ท
1. เติมคำในช่องว่าง ( 40 ข้อ )
:::: ส่วนนี้จะดูทั้งพวกความแม่นยำของเราในเรื่อง part of speech ( พวกคำนาม คำสรรพนามอะไรพวกนี้ ),
คำศัพท์ , สำนวน, phrasal verb เป็นต้น
2. error check!!!!!!!! ( 20 ข้อ ) เกลียดมัน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
:::: พาร์ทนี้คงไม่ยากสำหรับคนที่แม่นแกรมม่า แต่คนที่แกรมม่าห่วยแตกเช่นเราแล้ว
ถือได้ว่าเป็นข้อที่ทำให้เสียเวลาอย่างแรง มันจะเป็นประโยคมา แล้วมีขีดเส้นใต้คำ
แล้วให้เราหาว่าอันไหนผิด สำหรับเราแล้วมีหลายข้อที่อ่านแล้วเกิดความรู้สึกว่า
" ผิดตรงไหนวะ ก็ถูกหมดนี่หว่า " ก๊ากกกก =[]= ดับวูบบบบบบบบบ อนาคตของตู
ดังนั้นถ้าใครอ่านแล้วงงๆเบลอๆแบบเรา แนะนำให้ข้ามไปทำอีกพาร์ทก่อนค่อยกลับมาทำอันนี้
เพราะพอคิดไม่ออกแล้วมันเสียเวลาอย่างแรงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
3. อันนี้เป็นพวกโฆษณา จดหมาย ประกาศ มาให้อ่านแล้วตอบคำถาม ( 40 ข้อ )
:::: พาร์ทนี้จริงๆแล้วจะว่าไม่ยากก็คงไม่ยาก แต่ว่ามันเสียเวลาอ่านพอสมควร
เพราะว่าส่วนนี้มี 40 ข้อ แล้วไอ้อันที่ต้องอ่านอันนึง มันเอาไว้ตอบคำถามแค่ 2-3 ข้อ
ทำให้เราต้องอ่านอยู่หลายอัน อ่านจนเบลอ ควรอ่านโจทย์ก่อนว่ามันถามอะไรจะประหยัดเวลาไปได้บ้างเน้อ
-------------------------------------------------------------------------------------------------
เวลาสอบมันผ่านไปรวดเร็วกว่าที่คิด เรามัวแต่ไปเสียเวลากับไอ้ error check
( ขอเรียกแบบไม่เป็นทางการว่าอย่างงี้ละกันนะ ) เลยทำไม่ทันไปหลายข้อได้
แถมพอตอนวางดินสอคิดว่าทำครบแล้ว ไอ้ข้อ 154 ( จำข้อได้เลยวุ้ย =[]= ) มันว่างโล่ง
ลืมทำสิคร้าบ!!! T{}T!!!!!!!! เสียดาย!!!! อย่างน้อยมั่วก็ยังมีโอกาสถูก 1/4 วะ
เอาเป็นว่าเมื่อทำอะไรไม่ได้แล้ว ออกมานอกห้องสอบดีกว่า
-------------------------------------------------------------------------------------------------
::: การรับผลสอบ :::
สำหรับคนที่จะมารับผลสอบเอง ก็กลับบ้านได้
วันมารับผลสอบอย่าลืมเอาบัตรประชาชนตัวจริงกับใบสอบมาด้วย
แต่ถ้าให้คนอื่นมารับ ก็ต้องเอาบัตรประชาชนของเรามา
เอาบัตรประชาชนคนที่จะมารับผลสอบแทน แล้วก็ใบสอบจ้า
สำหรับคนที่จะให้เขาส่ง EMS ผลสอบกลับไปที่บ้านให้ ก็ไปรับซองจดหมายมา
เขียนชื่อภาษาอังกฤษ ที่อยู่ภาษาไทย พร้อมจ่ายตัง 50 บาทแล้วก็เอาใบสอบให้เจ้าหน้าที่ไปด้วย
เป็นอันเสร็จพิธี =[]= !!!!!!!! กลับบ้านได้แล้วเอิงเงย
ผลสอบถ้าสอบวันจันทร์ - พฤหัสจะได้ผลสอบในวันรุ่งขึ้น ( มายก้อด!! )
แต่ถ้าสอบวันศุกร์ จะได้ผลวันจันทร์ และถ้าสอบวันเสาร์ จะได้ผลวันอังคารจ้า
-------------------------------------------------------------------------------------------------
::: โดยสรุปแล้ว ในช่วงสอบ สิ่งที่ควรทำสองประการคือ :::
1. ตั้งสติให้ดี สมาธิแรงกล้า ไอ้ข้างๆจะแคะขี้มูกดีดมาโดนเราก็อย่าไปใส่ใจ
โดยเฉพาะ part Listening ถ้ามันฟังไม่ทันผ่านไปแล้วก็ช่างมัน
เอาข้อต่อไปดีกว่า เพราะถ้ามัวกังวลนี่เดี๋ยวไปพลาดข้อต่อๆไปด้วย
2. ห้ามชิว!!! ห้ามชิวอย่างแรง!!! ตอนแรกเราทำ Reading พาร์ทแรก 40 ข้อเสร็จ
แล้วเห็นเหลือเวลาเยอะ เลยเริ่มชิว เอาเข้าจริง ทำไม่ทัน กร๊ากกกกกกกกกกกก
ตอนนี้เราก็กำลังลุ้นกับผลสอบอยู่ =[]= ถ้ามันเวิร์คก็ดี ไม่ต้องไปสอบใหม่
เพราะแทบจะไม่ได้เตรียมตัวไปสอบเลยก๊ากก ไปนั่งอ่านหนังสือสอบวันศุกร์ - -"
แถมในหนังสือเฉลยผิดเต็มไปหมด เวรกรรมอย่างแรง
-------------------------------------------------------------------------------------------------
สุดท้ายนี้ขอสรุปสาระสำคัญจริงๆ สำหรับคนที่ขี้เกียจอ่านอะไรบ้าๆบอๆก๊าก =[]=
1. TOEIC เปิดสอบจันทร์ - เสาร์ ( เว้นวันอาทิตย์ ) 2 รอบ 9.00-12.00 และ 13.00-16.00
โดยควรโทรไปจองก่อนตามเบอร์ 0-2260-7061 / 0-2260-7189
โดยจะต้องแจ้ง ชื่อและนามสกุลเป็นภาษาอังกฤษ รวมถึงเบอร์บัตรประชาชน
สถานที่สอบคือ อาคาร BB TOWER ชั้น 19ถนนอโศก ( สุขุมวิท 21 ) อยู่ฝั่งเดียวกับตึกแกรมมี่
2. เตรียมบัตรประชาชนตัวจริง หรือพาสปอร์ตตัวจริง พร้อมเงินค่าสมัคร 1,000 บาทไปในวันสอบ
3. ข้อสอบมีทั้งหมด 200 ข้อ เป็น Listening 100, Reading 100 คะแนนรวม 990 คะแนน
4. สำหรับการรับผลสอบ
ผู้ที่มารับเอง - เอาใบสอบ + บัตรประชาชนตัวจริง มาในวันรับผล
ให้ผู้อื่นมารับ - เอาใบสอบ + บัตรประชาชนตัวจริงของเรา + บัตรประชาชนตัวจริงของผู้มารับแทน
ส่ง EMS กลับบ้าน - รับซองจดหมายหลังสอบเขียนชื่อภาษาอังฤษ ที่อยู่ภาษาไทย จ่ายเงิน 50 บาท
-------------------------------------------------------------------------------------------------
ใครจะไปสอบก็สู้ๆขอให้โชคดีในการสอบค่ะ !!!! ขอให้ได้คะแนนงามๆกันทุกคนเน้อ!!
No comments:
Post a Comment