IELTS คืออะไร
IELTS = International English Language Testing System (เริ่มปี 1989)
แนวโน้มความนิยมสอบ IELTS มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ทั่วโลก : 500,000 คน ประเทศไทย ปี 2004 : สอบประมาณ 7,000 คน (เป็นผู้หญิง 64%)
ทำไมต้องสอบ IELTS
1. Study : วัดความพร้อมทางการศึกษา
2. Professional : ประกอบอาชีพในต่างประเทศ
3. Emigration : ย้ายถิ่นฐาน
คะแนนของ IELTS
แบ่งเป็น 9 band score
9 – expert user 8 – very good user 7 – good user
6 – competent user 5 – modest user 4 – limited user
3 – extremely limited user 2 – intermittent user 1 – non-user
การศึกษาต่อในระดับ ป.โท มหาลัยมักต้องการระดับ 6.5 ขึ้นไป
สถิติคะแนน
9% ที่สอบครั้งแรกแล้วได้เกิน 6.5 และ 79% สอบครั้งแรกแล้วได้คะแนนช่วง 4.5-6 ค่าเฉลี่ย = 5.5
รายละเอียดต่อไปนี้เป็น IELTS แบบ Academic
1. Listening (30 นาที)
- ฟัง 30 นาที (ฟังรอบเดียว) มีเวลาอีก 10 นาทีให้ตอบลง answer sheet
- คำถาม 40 ข้อ
- มี 4 sections จากง่ายสุด (เรื่องใกล้ตัว, conversation) ไปยากสุด (สถานการณ์ lecture)
- มีทั้ง choice และเติมคำ (ระวังตัวสะกด)
2. Reading (60 นาที)
- อ่าน 3 passage : ค่อนข้างยาว 2000-2750 คำ
- เวลา 60 นาที
- 40 คำถาม
- มีทั้ง choice, เติมคำ, comprehension, T or F, Y or N, จับคู่ heading กับ paragraph
- เป็นบทความทางวิชาการ เช่น ภาษาศาสตร์ แพทยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ thesis
3. Writing (60 นาที)
แบ่งเป็น Task 1 และ Task 2
3.1 Task-one
- 20 นาที
- เขียน 150 คำ
- มักให้ report ข้อมูล มาในรูปกราฟ ตาราง แล้วให้เขียนอธิบาย
- ไม่ต้องเขียนความเห็น
3.2 Task Two (คะแนนหลักของส่วน Writing)
- 40 นาที
- 250 คำ
- เขียนความคิดเห็น (discussion essay)
- formal writing
- อาจซวยเจอเรื่องที่เราไม่มี background
4. Speaking (11-14 นาที)
- สัมภาษณ์สดกับอาจารย์ เลือกสัญชาติไม่ได้
- คุยกันตัวต่อตัว
- 11-14 นาที
- การสัมภาษณ์จะถูกอัดไว้
- มีทั้งหมด 3 Parts
4.1 Intro & Interview (4-5 นาที)
เพื่อให้เรา relax, จะถามเรื่องใกล้ๆ ตัว เช่น ทำงานอะไร
4.2 Individual long term (3-4 นาที)
อาจารย์จะเลือก topic มา 1 เรื่อง ให้กระดาษเพื่อร่างประมาณ 1 นาที จากนั้นให้พูดแบบ non-stop (speech) ถ้าอาจารย์ไม่สั่งให้หยุด ก็อย่าเพิ่งหยุด พูดไปเรื่อยๆ
4.3 Two-way discussion (4-5 นาที)
discuss ใน topic ต่อเนื่องจากข้อ 4.2 ให้ใส่เหตุผลและความคิดเห็นลงไป
การให้คะแนน Speaking
ประกอบด้วย 4 ส่วน
1. Fluency Coherence : ความคล่อง และความเชื่อมโยง (ไม่พูดตะกุกตะกัก ต่อเป็นธรรมชาติ และต่อเนื่อง)
2. Lexical resource : การใช้ศัพท์ ไม่ใช้ศัพท์ที่ง่ายหรือคำซ้ำมากเกินไป (ควรใช้ศัพท์ advance)
3. Grammatical Range and Accuracy เช่น ถาม past ตอบ past (แต่ข้อนี้ไม่ต้องกังวลมาก)
4. Pronunciation : สามารถพูด thai accent ได้ แต่ต้อง stress คำให้ถูกต้อง เน้นการสื่อสารถูกอารมณ์
No comments:
Post a Comment